ปีศาจ


ปีศาจ
พิมพ์เป็นเล่มครั้งแรก ปี 2500 โดยสำนักพิมพ์เกวียนทอง
เสนีย์ เสาวพงศ์
(พ.ศ. 2461- )

ปีศาจ เป็นนิยายชิ้นสำคัญ ชิ้นหนึ่งของ เสนีย์ เสาวพงศ์ (นามแฝงของ ศักดิ์ชัย บำรุงพงษ์ 2461- ) นักเขียนนิยาย และเรื่องสั้น ผู้มีชื่อเสียง ในช่วงทศวรรษ 2490 และกลับมาเขียนอีกครั้ง ในทศวรรษ 2520 และ 2530 งานเด่นๆ ชิ้นอื่นของเขา คือ ความรักของวัลยา (2495) ชัยชนะของคนแพ้ (2486) ชีวิตบนความตาย (2489) ทานตะวันดอกหนึ่ง (รวมเรื่องสั้น)

ปีศาจ พิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสยามสมัย ระหว่างปี 2496-7 ซึ่งเป็นยุคภายหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ไทย มีความตื่นตัว ทางความคิด ความอ่าน เกี่ยวกับการเมือง และสังคม ค่อนข้างมาก เสนีย์ ซึ่งขณะนั้น เป็นข้าราชการ กระทรวงต่างประเทศ อายุ 35 ปี ได้เขียนเรื่องนี้ ภายหลังจาก การที่หนังสือพิมพ์ รายงานข่าว กรณีพิพาท ที่ดินที่บางบ่อ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของเขา ผู้มีพื้นเพ มาจากชาวนาชาวสวน

ปีศาจ เป็นงานศิลปะ ที่แสดงถึงจุดมุ่งหมาย และความคิด ที่เด่นชัดมากที่สุด สำหรับเมืองไทย ในยุคนั้น หรือแม้แต่ในยุค 14 ตุลาคม 2516 คนอย่าง สาย สีมา, รัชนี ผู้รักความเป็นธรรม และเห็นใจคนยากคนจน อาจจะดู เป็นคนในอุดมคติ สำหรับสังคมไทย ในปัจจุบันมากเกินไป แต่เขาเหล่านั้น ก็เป็นเสมือนตัวแทน ของคนรุ่นใหม่ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เริ่มปฏิเสธค่านิยมเก่าๆ ของสังคมโบร่ำโบราณ ซึ่งไม่เคย มีการเปลี่ยนแปลง ขนาดใหญ่เลย ตลอดระยะเวลา หลายร้อยปีที่ผ่านมา สังคมอภิสิทธิชน ซึ่งพร้อมที่จะ ดูดกลืนคนอยู่เสมอ เพราะความเจ้าเล่ห์ ซึ่งเติบโตขึ้น ตามอายุขัย และขนาดของมัน ใน แง่ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา ปีศาจ ที่เสนีย์ เสาวพงศ์ สร้างขึ้นมา ก็เป็นตัวแทน การเริ่มต้น ที่จะประท้วง โดยคนรุ่นใหม่ ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กลับมาจับใจ คนรุ่นใหม่ ช่วงปี 2516-2519 อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นยุคสมัย ที่คนหนุ่มสาว กำลังตื่นตัว ที่จะแสวงหา สังคมอุดมคติ คล้ายๆ กัน ปีศาจอย่าง สาย สีมา ตัวที่กาลเวลา ได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอน คนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิด ความละเมอ หวาดกลัว... อาจจะเป็นเพียงนักฝัน นักอุดมคติในยุคหนึ่ง แต่เขาได้สร้าง แรงบันดาลใจ ให้คนจำนวนไม่น้อย ได้ลงมือใช้ชีวิต ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจริงๆ ทั้งในป่าเขา ในชนบท ในโรงงาน ในวงการศึกษา, สื่อสารมวลชน และอื่นๆ (เช่นเดียวกับเรื่อง ความรักของวัลยา ซึ่งโรแมนติก อ่อนโยนกว่า แต่ก็เป็นเรื่อง เชิงอุดมคติ ที่ให้แรงบันดาลใจเช่นกัน)

คำพูดของสาย สีมาที่ว่า "ไม่มีอะไร หยุดยั้งความรุดหน้า ของกาลเวลา ที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ ให้มากขึ้นทุกที ท่านคิดจะทำลายปีศาจตัวนี้ ในคืนวันนี้...แต่ไม่มีทางจะเป็นไปได้... เพราะเขา อยู่ในเกราะกำบัง แห่งกาลเวลา ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้ง อะไรไว้ได้ บางสิ่งบางอย่าง ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่าน ไม่สามารถ จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้ได้ตลอดไป"
อาจจะฟังดูเหมือนกับ คำประกาศของฝ่ายซ้าย ในปี 2496 แต่หากเรามามองในแง่ปรัชญา โดยไม่มองเรื่อง ซ้ายหรือขวาแล้ว มันก็ยังเป็นความจริงทั่วไป อยู่จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

Search

GosuBlogger

Ads